PAST 2024
นิทรรศการที่ผ่านมา
นิทรรศการ Allegory of the Cave นำเสนอเรื่องราวของผลงานจิตรกรรมที่เดินทางผ่านยุคสมัยของการเคลื่อนตัว แตกตัว เเละเปลี่ยนผ่านในแต่ละมิติของพัฒนาการทางศิลปะสมัยใหม่ในประเทศไทย สิ่งที่ปรากฏในนิทรรศการนี้คือแรงสั่นสะเทือนของสุนทรียศาสตร์ที่ผันเปลี่ยนดั่งแสงสว่างที่พร่าเลือน เล็ดลอดเข้ามาสู่ถ้ำแห่งกาลเวลาของการผันเปลี่ยนทางศิลปะ จนมาสู่ความชัดแจ้งของรูปแบบศิลปะในยุคสมัยหนึ่ง โดยนิทรรศการใน Part l ได้นำผลงานจิตรกรรมต่างยุคมาสร้างบทสนทนาที่เผยให้เห็นการแตกตัวในพัฒนาการทางศิลปะผ่านยุคสมัยที่เปลี่ยนผ่าน
ในครั้งนี้ Allegory of the Cave (Part ll) นำเสนอผลงานของ ธนวัฒน์ นุ่มเจริญ พิชยะ คุณวัฒน์ และวรรณพล แสนคำ ที่ได้แตกตัวขยายตัวดั่งลาวาที่ปะทุออก และเผยให้เห็นร่องรอยของสุนทรียศาสตร์ที่เปลี่ยนผ่านจากยุคหนึ่งสู่อีกยุคหนึ่ง นิทรรศการในครั้งนี้เป็นดั่งภาคขยายต่อของบทสนทนาแห่งยุคสมัยซึ่งมุ่งตรงเข้าสู่สาระของการออกจากถ้ำอันมืดมิดสู่แสงใหม่ของยุคที่เต็มไปด้วยการผันเปลี่ยนของกาลเวลา ศิลปิน - ธนวัฒน์ นุ่มเจริญ พิชยะ คุณวัฒน์ และวรรณพล แสนคำ ภัณฑารักษ์ - กฤษฎา ดุษฎีวนิช เปิดนิทรรศการวันศุกร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 18.00 น. ณ ชั้น 2 ตำหนักพรรณราย หอศิลป์มหาวิทยาลัยศิลปากร (วังท่าพระ) นิทรรศการจัดแสดงระหว่างวันที่ 16 กุมภาพันธ์ - 30 มีนาคม 2567 วันจันทร์ - เสาร์ เวลา 9.00 น. - 18.00 น. (ยกเว้นวันอาทิตย์และวันหยุดราชการ) ------------------------ The Art Centre Silpakorn University is pleased to present our upcoming exhibition! Allegory of the Cave presents a series of paintings that traverse through different eras, moving, splitting off and changing in each dimension of the development of Thai modern art. What appears in this exhibition is a shaker of aesthetics that change like dimming light passing through the cave of time until they become a dominant art form of an era. The exhibition Part I featured paintings from different eras, presented together in order to create significant dialogues that reveal fractures in the development of art through time. In Allegory of the Cave (Part II) features the works of Thanawat Numcharoen, Pichaya Khunnawat, and Wanapol Saenkham that split out and expand like erupted lava, revealing the changing aesthetics from one era to another. This exhibition is like the episode extension of the contemporary dialogues that centres on the departure from the dark cave towards the new light of an era filled with the changing tide of time. Artists - Thanawat Numcharoen, Pichaya Khunnawat and Wanapol Saenkham Curated by Kritsada Duchsadeevanich The opening reception is on Friday 16 February 2024 at 6 pm at the 2nd floor, Phannarai Building, Art Centre, Silpakorn University (Wangthapra). The exhibition will be on view from 16 February to 30 March 2024. Mon - Sat 9 am to 6 pm (closed on Sundays and public holidays) |
นิทรรศการ Allegory of the Cave (Part I) นำเสนอเรื่องราวของผลงานจิตรกรรมที่เดินทางผ่านยุคสมัยของการเคลื่อนตัว แตกตัว เเละเปลี่ยนผ่านในแต่ละมิติของพัฒนาการทางศิลปะสมัยใหม่ในประเทศไทย สิ่งที่ปรากฏในนิทรรศการนี้คือแรงสั่นสะเทือนของสุนทรียศาสตร์ที่ผันเปลี่ยนดั่งแสงสว่างที่พร่าเลือน เล็ดลอดเข้ามาสู่ถ้ำแห่งกาลเวลาของการผันเปลี่ยนทางศิลปะ จนมาสู่ความชัดแจ้งของรูปแบบศิลปะในยุคสมัยหนึ่ง
นิทรรศการนำเสนอผลงานของ จักรพันธุ์ โปษยกฤต จรูญ บุญสวน และอนันต์ ปาณินท์ และผลงานจิตรกรรมจากศิลปินรุ่นใหม่ ธนวัฒน์ นุ่มเจริญ พิชยะ คุณวัฒน์ และวรรณพล แสนคำ มาสร้างบทสนทนาแห่งยุคสมัย เผยให้เห็นร่องรอยของการแตกตัวในพัฒนาการทางศิลปะจากยุคหนึ่งสู่อีกยุคหนึ่ง ซึ่งเป็นการเปิดพื้นที่ให้ผู้ชมได้ขบคิดถึงรอยเคลื่อนทางศิลปะที่เกิดขึ้นในประเทศไทยจากศิลปะสมัยใหม่สู่ภาวะความเป็นร่วมสมัยผ่านผลงานจิตรกรรมในคลังสะสมศิลปกรรมของมหาวิทยาลัยศิลปากร และผลงานจิตรกรรมของศิลปินรุ่นใหม่ที่เคลื่อนตัวไปข้างหน้าพร้อมกับสังคมที่กำลังจะผันเปลี่ยน ภัณฑารักษ์ - กฤษฎา ดุษฎีวนิช นิทรรศการจัดแสดงระหว่างวันที่ 12 มกราคม - 1 กุมภาพันธ์ 2567 วันจันทร์ - เสาร์ เวลา 9.00 น. - 18.00 น. (ยกเว้นวันอาทิตย์และวันหยุดราชการ) ณ ชั้น 2 ตำหนักพรรณราย หอศิลป์มหาวิทยาลัยศิลปากร (วังท่าพระ) ------------------------ Allegory of Cave (Part I) presents a series of paintings that traverse through different eras, moving, splitting off and changing in each dimension of the development of Thai modern art. The paintings in this exhibition are a shaker of aesthetics that change like dimming light passing through the cave of time until they form to become a dominant art form of an era. This exhibition presents paintings by Chakrabhand Posayakrit, Charoon Boonsuan and Anan Panin as well as those by some new blood including Thanawat Numcharoen, Pichaya Khunnawat and Wanapol Saenkham, in order to create significant contemporary dialogues. The works reveal the fractures which split off when art develops from one era to another. They open the space in which the audience can ponder over the artistic fractures occurring in Thailand when modern art become contemporary, represented by the paintings from the Silpakorn Art Collections and the works by the new blood, which move forward with the changing tide of the Thai society. Curated by Kritsada Duchsadeevanich The exhibition will be on view from 12 January to 1 February 2024. Mon - Sat 9 am to 6 pm (closed on Sundays and public holidays) at the 2nd floor, Phannarai Building, Art Centre, Silpakorn University (Wangthapra). |
Landscape of Emptiness
เตรียมพบกับนิทรรศการถัดไปของหอศิลป์มหาวิทยาลัยศิลปากร!
“ภูมิทัศน์ของความว่างเปล่า” นิทรรศการเดี่ยว โดย สนิทัศน์ ประดิษฐ์ทัศนีย์ ภัณฑารักษ์ - กฤษฎา ดุษฎีวนิช เมื่อเราอยู่ในห้วงสถานการณ์และเวลาของการเหม่อมองความเป็นไปของ “ความจริง” เราจะเห็นม่านหมอกจางๆของความว่างเปล่า หากแต่ความว่างเปล่านั้นมิได้เปลือยเปล่า โดยกำเนิดแล้วความว่างคือสภาวะหนึ่งของการละทิ้ง ปลดเปลื้อง หรือมลายหายสลายไปของสิ่งที่มีอยู่ ความว่างอาจมีมโนทัศน์สุดไกลไร้ขอบเขต เป็นทั้งความเวิ้งว้างของจักรวาลอันไกลโพ้น เป็นทั้งเวลาที่เป็นอนันต์ เป็นนามธรรม แต่ในขณะเดียวกัน การที่เราจะรับรู้สภาวะความว่างดังกล่าวได้นั้น เราต้องรับรู้ความมีอยู่ของ “สิ่ง” ที่ดำรงอยู่ ขอบเขตของความว่างจึงมีความจำเป็นต่อการปลดเปลือยเผยให้เห็นถึงการสลายหายไปจนนำไปสู่สภาวะแห่งความว่างเปล่า ในนิทรรศการภูมิทัศน์ของความว่างเปล่า สนิทัศน์ ประดิษฐ์ทัศนีย์ ได้สร้างสภาวะของการเข้าสู่ความว่างเปล่าที่พาผู้ชมเข้าไปสู่ห้วงสถานการณ์จำเพาะของพื้นที่และเวลา สู่มโนทัศน์ของการเข้าไปค้นหาความจริงในมิติของการเข้าไปสู่เขตแดน (ปริมณฑล) ของสภาวะการไร้รูปนาม ม่านหมอกของสาระแห่งการดำรงอยู่ได้นำพาผู้ชมให้เดินตามวิถีทางแห่งสัจจะของเวลาที่ทุกอย่างสลายแตกดับเหลือแต่เพียงความว่างเปล่า นิทรรศการจัดแสดงระหว่างวันที่ 22 มีนาคม – 8 มิถุนายน 2567 วันจันทร์ - เสาร์ เวลา 9.00 น. - 18.00 น. (ยกเว้นวันอาทิตย์และวันหยุดราชการ) ------------- Landscape of Emptiness, a solo exhibition, by Sanitas Pradittasnee Curated by Kritsada Duchsadeevanich When we are in the situation and time of absentmindedly staring at the possibility of "truth", we will see a thin smog of emptiness. The emptiness is not naked, though. The origin of this emptiness stems from the condition of letting go, liberating or disappearing from existence. The emptiness, with its boundless horizons, is an abstract, endless time and infinite universe in a faraway distance. At the same time, to perceive this condition, we need to be aware of "what" exists. The boundary of emptiness, thus, plays a crucial role in unveiling this evanescence leading to the state of emptiness. Landscape of Emptiness by Sanitas Pradittasnee creates a condition through which the audience enters a state of emptiness, taking them into specific situations of space and time to venture into the concept of seeking truth in the frontier or "perimeter" of abstraction. The cloud of existence takes the audience down the path of the truth of time, where everything perishes, leaving only emptiness. The exhibition will be on view from 22 March to 8 June 2024. Mon - Sat 9 am to 6 pm (closed on Sundays and public holidays) |
A Million Little Odd Things,
|
A Million Little Odd Things, the Last Promise, and One Big Picture โดย นพไชย (ต้อย) อังควัฒนะพงษ์ และ ปิยลักษณ์ เบญจดล
นพไชย (ต้อย) อังควัฒนะพงษ์ : 578 days (transformation) ปิยลักษณ์ เบญจดล : The cabinet of curiosities นัทส์ โซไซตี้ : Quality 1st, 2nd hand (Art), and swap market ภัณฑารักษ์ - กฤษฎา ดุษฎีวนิช คํามั่นสัญญามากล้นไปด้วยภาพฝันของการดำรงอยู่ในสัจจะ ชีวิต และคำว่า “รัก” อารมณ์ในความรักได้สร้างความทรงจำที่สวยงามผลิดอกแรกแย้มชื่นบาน ในขณะเดียวกันสิ่งที่เป็นความจริงแท้ที่สุดคือการเคลื่อนผันผ่านและการเปลี่ยนแปลง ความรักคือความจริงอีกชุดที่อยู่นอกเหตุและเหนือผล เป็นเศษผลึกตะกอนของความจริงที่มีพลังงานผลักให้มนุษย์เห็นคุณค่าของการดำรงอยู่และการลาจาก ในภาพฝันเมื่อครั้งคำว่ารักยังดำรงอยู่นั้น สวยสดงดงามและยิ่งใหญ่ราวกับกระจกที่ผลัดกันส่งสะท้อนไร้จุดสิ้นสุด หากแต่เมื่อกระจกอีกบานนั้นได้จากหายไป ภาพที่สะท้อนกันไปมาดังกล่าวก็หายจากไปเช่นกัน เหลือแต่คำมั่นสัญญาที่โอบกอดรัดดั่งอาภรณ์ที่รอผู้สวมใส่ A Million Little Odd Things, the Last Promise, and One Big Picture โดย นพไชย (ต้อย) อังควัฒนะพงษ์ และ บอลล์-ปิยลักษณ์ เบญจดล นำเสนอภาพฝันของความทรงจำและคำมั่นสัญญาสุดท้ายที่ ต้อย/ นพไชย ได้ให้คำสัญญาสุดท้ายก่อนที่จะสูญเสียบุคคลอันที่เป็นรัก นิทรรศการนี้ คือ การปรุงแต่งผสมผสานคำมั่นสัญญาท้ายสุดเพื่อให้ออกมาเป็นรูปธรรมของความทรงจำที่ผันผ่านสู่การดำรงอยู่ในสภาวะปัจจุบัน สัจจะที่ให้ไว้ในคำสัญญาสุดท้ายได้มาบรรจบลงเอยในสรรพเรื่องราวอันแปลกประหลาดและภาพแรกที่ยิ่งใหญ่ เพื่อให้ลบเลือนเสียงลมหายใจสุดท้ายอันแผ่วเบาแห่งการลาจาก //// พร้อมกับการกลับมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้งของ นัทส์ โซไซตี้ (Nuts society) กิจกรรมทางศิลปะที่เชื้อเชิญให้ผู้คนมามีส่วนร่วมในการสร้างสำนึกทางสังคม นัทส์ โซไซตี้ ปรากฏในโลกศิลปะเมื่อปี พ.ศ.2541 ซึ่งนพไชย และ ปิยลักษณ์ ได้เคยสร้างปรากฏการณ์ในสังคมศิลปะมาแล้ว และได้ทำกิจกรรมทางศิลปะมาอย่างต่อเนื่องและน่าสนใจ โดยครั้งนี้เชื้อเชิญผู้คนมากมายหลากหลายศาสตร์สาขาทางศิลปะมาร่วมเปิดตลาดขายผลงานศิลปะในพื้นที่นิทรรศการ เพื่อเปิดโอกาสการเข้าถึงศิลปะอย่างเท่าเทียม //// เปิดนิทรรศการวันศุกร์ที่ 28 มิถุนายน 2567 เวลา 18.30 น. ณ หอศิลป์มหาวิทยาลัยศิลปากร (วังท่าพระ) นิทรรศการจัดแสดงระหว่างวันที่ 28 มิถุนายน – 31 สิงหาคม 2567 วันจันทร์ - เสาร์ เวลา 9.00 น. - 18.00 น. (ยกเว้นวันอาทิตย์และวันหยุดราชการ) ------------------------------------------------------ A Million Little Odd Things, the Last Promise, and One Big Picture by Toi Ungkavatanapong and Piyaluk Benjadol Toi Ungkavatanapong : 578 days (transformation) Piyaluk Benjadol : The cabinet of curiosities Nuts society : Quality 1st, 2nd hand (Art), and swap market Curated by Kritsada Duchsadeevanich Promises are vessels brimming with dreamy images encapsulating truth, life, and love. Love, especially, nurtures memories that bloom beautifully. Yet, ultimate reality unfolds in a perpetual dance of movement and change. Love, a distinct facet of truth, transcends the boundaries of reason and logic. It stands as a potent fragment, allowing humanity to grasp the significance of both existence and departure. In the ethereal tapestry of existence, love stands as a timeless masterpiece, its beauty and grandeur reflected endlessly like a pair of majestic mirrors. Yet, when one mirror is shattered, the once-harmonious reflections blur into elusive memories; what lingers is a promise, a tender embrace that envelops us like a garment waiting to be worn. A Million Little Odd Things, the Last Promise, and One Big Picture by Toi Ungkavatanapong and Piyaluk Benjadol poignantly present the echoes of dreamy memory and the last promise - a pledge made to the love of his life. What appears in this exhibition is the intertwining of his last promise into tangible memories that transition into the present. The last promise intertwines with various odd things and one big picture, transcending the mere breath of departure. //// The exhibition also features the revival of Nuts society, an art activity that invites people to engage in the creation of social awareness. It made its debut in the art world in 1998, in which Toi and Piyaluck had catch the attention of the art community through various continuing and interesting activities. This time, artists from diverse disciplines are invited to showcase and sell their creations in Quality 1st, 2nd hand (Art), and swap market within the exhibition space to democratise access to art. //// The opening reception is on Friday 28 June 2024 at 6.30 pm at the Main Hall of the Art Centre, Silpakorn University (Wangthapra). The exhibition will be on view from 28 June - 31 August 2024. Mon - Sat 9 am to 6 pm (closed on Sundays and public holidays) |
ร่วมเติมเต็มภาพใหญ่ ด้วยการชม/ร่วมเดิน (finale)
“ใน ‘Fly by(e)’ เพื่อเป็นการให้เกียรติและบอกลาเพื่อนที่รักของพวกเรา” . วันเสาร์ที่ 24 สิงหาคม 2567 เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป ณ หอศิลป์มหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ . กิจกรรมเดินแบบ (fashion walk) นี้เป็นส่วนหนึ่งของนิทรรศการ ‘A Million Little Odd Things, the Last Promise, and One Big Picture’ ---------- You are invited to be part of the completion of 'one big picture'. As a visitor or part of the walk (finale) “In ‘Fly by(e)’ to honor and say goodbye to our dear friend.” . Saturday 24 August 2024 at 5 pm onwards. At the Art Centre, Silpakorn University, Wang Tha Phra . This fashion walk is a part of ‘A Million Little Odd Things, the Last Promise, and One Big Picture’ exhibition. |
กิจกรรม On Art Collective ชวนเรียนรู้เกี่ยวกับนิยาม ความเป็นมา รูปแบบการดำเนินงาน และประสบการณ์ ของกลุ่ม collective ในศิลปะร่วมสมัยของไทย
. ร่วมสนทนาและแบ่งปันโดย ● จิระเดช และพรพิไล มีมาลัย (ผู้ก่อตั้ง Baan Noorg Collaborative Arts & Culture องค์กรความร่วมมือทางศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย) . ผู้ร่วมสนทนาและผู้ดำเนินรายการ ● เพ็ญวดี นพเกตุ มานนท์ (หัวหน้าฝ่ายนิทรรศการ / หัวหน้าภัณฑารักษ์ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร และภัณฑารักษ์และนักวิจัยอิสระ นักจัดการทางวัฒนธรรม ผู้ก่อตั้ง ร้าย.ดี คอลเล็คทีฟ ผู้ร่วมก่อตั้ง Project-PRY) . วันเสาร์ที่ 10 สิงหาคม 2567 เวลา 15.00 - 16.30 น. ณ ท้องพระโรง หอศิลป์มหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ ลงทะเบียนได้ที่ https://forms.gle/4BgPRmEQbb2YRaad9 . กิจกรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งของนิทรรศการ ‘A Million Little Odd Things, the Last Promise, and One Big Picture’ โดย นพไชย (ต้อย) อังควัฒนะพงษ์ และ ปิยลักษณ์ เบญจดล |