ช่อฟ้า
อาคารท้องพระโรง จัดเป็นหนึ่งในสถานที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ จากการเป็นที่ประทับของเจ้านายองค์ต่างๆ และที่ทำราชการสำคัญหลายอย่าง ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 จึงมีการตกแต่งประดับประดาอาคารให้มีความคล้ายเคียงกับอาคารพระราชวัง ซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงสถานะของสถานที่แห่งนี้ได้เป็นอย่างดี
ช่อฟ้านับเป็นหนึ่งในสิ่งตกแต่งอาคาร และเป็นหนึ่งในองค์ประกอบของชุดเครื่องบนชิ้นสำคัญ โดยช่อฟ้า หมายถึง ช่อที่ยื่นขึ้นไปบนท้องฟ้า เป็นเครื่องไม้สำหรับประดับบนยอดสุดของหน้าบันทั้งสองด้าน หรือบริเวณที่ลำยองมาบรรจบกัน มักนำมาประดับไว้บนอาคารหลวง เช่น อาคารพระราชวัง โบสถ์ วิหาร และสิ่งก่อสร้างอื่นๆ บางประเภทในวัดเท่านั้น โดยช่อฟ้ามีหลายรูปแบบ แตกต่างกันไปตามความเชื่อ ที่มา ซึ่งในส่วนของช่อฟ้าบนอาคารท้องพระโรง จัดอยู่ในประเภท ช่อฟ้าแบบปากนก หรือ ปากหงส์ มีลักษณะรูปทรงชะลูดสูง หงอนเพรียว ปากงุ้มเข้า มีใบระกาและหางหงส์ที่ปลายล่างของหลังคา มีความเชื่อว่ามาจากลักษณะปากของหงส์ ที่เป็นพาหนะของพระพรหม
ช่อฟ้านับเป็นหนึ่งในสิ่งตกแต่งอาคาร และเป็นหนึ่งในองค์ประกอบของชุดเครื่องบนชิ้นสำคัญ โดยช่อฟ้า หมายถึง ช่อที่ยื่นขึ้นไปบนท้องฟ้า เป็นเครื่องไม้สำหรับประดับบนยอดสุดของหน้าบันทั้งสองด้าน หรือบริเวณที่ลำยองมาบรรจบกัน มักนำมาประดับไว้บนอาคารหลวง เช่น อาคารพระราชวัง โบสถ์ วิหาร และสิ่งก่อสร้างอื่นๆ บางประเภทในวัดเท่านั้น โดยช่อฟ้ามีหลายรูปแบบ แตกต่างกันไปตามความเชื่อ ที่มา ซึ่งในส่วนของช่อฟ้าบนอาคารท้องพระโรง จัดอยู่ในประเภท ช่อฟ้าแบบปากนก หรือ ปากหงส์ มีลักษณะรูปทรงชะลูดสูง หงอนเพรียว ปากงุ้มเข้า มีใบระกาและหางหงส์ที่ปลายล่างของหลังคา มีความเชื่อว่ามาจากลักษณะปากของหงส์ ที่เป็นพาหนะของพระพรหม
เนื่องจากช่อฟ้าเดิมมีความเสียหาย ส่วนยอดหักไม่สามารถซ่อมคืนสภาพได้ จึงเห็นควรให้ดำเนินการจัดทำช่อฟ้าไม้ใหม่ เพื่อให้องค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมของอาคารท้องพระโรงกลับคืนสู่สภาพสมบูรณ์ตามแนวทางการอนุรักษ์โบราณสถาน โดยยึดต้นแบบเดิม ซึ่งการทำช่อฟ้าใหม่นี้ มีช่างที่ดูแลในแต่ละส่วนงาน ประกอบด้วยช่างไม้ ช่างปูน และช่างทาสี
ลำดับแรกจะเป็นการกระสวน หมายถึง การถอดรายละเอียด และขนาดไม้ หรือที่เรียกว่าการขยายแบบ 1:1 คัดลอกลงกระดาษทั้งรูปทรง ขนาด และลวดลาย ซึ่งเป็นหน้าที่ของช่างไม้ในการวัดขนาดจากช่อฟ้าต้นแบบ |
ไม้ที่ใช้ทำช่อฟ้า คือไม้ตะเคียน เนื่องจากเป็นไม้ตามรูปแบบเดิมที่บูรณะมาก่อนหน้า ทั้งยังมีความแข็งแรง เหนียว ทนทาน และทนปลวกได้ดี โดยในงานไม้เริ่มจาก การฟันไม้ หรือ ฟันช่อฟ้า หมายถึงการนำไม้ท่อนใหญ่มาฟันออกให้เป็นรูปร่างตามที่ต้องการ โดยฟันไม้ในส่วนของโครงช่อฟ้าก่อน แล้วจึงเก็บรายละเอียดองค์ประกอบเพิ่มเติม โดยการเกลา หรือตกแต่งด้วยเครื่องมือให้เหมือนตามต้นแบบ
|
ในส่วนของพุงนกกระจาบทั้งสองข้าง จะมีวิธีเข้าไม้การตามลำดับดังภาพ เริ่มจาก 1. การเจาะช่องข้างลำตัวช่อฟ้า 2.ทากาวผสานไม้ 3. ประกบเข้าไม้ทั้งสอง และ4. ปรับแต่งให้เข้ารูปทรง พร้อมทั้งเจาะช่องที่ด้านหลังของช่อฟ้า สำหรับใส่เดือยยึดกับโครงหลังคา หรือที่เรียกว่า คันบวย และช่องที่ด้านล่างสำหรับสวมรวย ชิ้นที่ปลายสุดของเครื่องลำยอง |
จากนั้นช่างปูนจะทำปูนหลบหลังสันหลังคาให้แอ่นรับไปจนถึงบริเวณคอของช่อฟ้า ซึ่งส่วนนี้จะช่วยทำให้ตัวช่อฟ้ายึดติดกับอกไก่อย่างแน่นหนา และเป็นจุดที่มีความมั่นคงแข็งแรงมาก จากนั้นช่างสีจะทำการรองพื้น ด้วยน้ำยาเคลือบเนื้อไม้ และเก็บรายละเอียดโดยการทาสีปูนครอบด้วยสีขาว และทาสีช่อฟ้าด้วยสีแดงน้ำหมาก เป็นอันเสร็จสมบูรณ์ |